วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บทที่ 6 ทรัพย์สินทางปัญญา

บทที่ 6 ทรัพย์สินทางปัญญา


ทรัพย์สินทางปํญญา (Intellectual Property )

                 ความรู้ที่เกิดจากการคิดค้นจนทําให้เกิดมีค่าขึ้นได้ หรือจะกล่าวอีกนัย หนึ่งว่า ทรัพย์สินทางปัญญาได้แก่ การที่ผู้ใด หรือคณะบุคคลใด ร่วมกัน ประดิษฐ์ คิดค้น ออกแบบ สร้างสรรค จนเกิดผลขึ้นมา และผลงานนั้นมี คุณค่าสามารถใช้ประโยชน์ ได้ทั้งงาน เกษตรกรรม อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม

ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญา

ทรัพย์สินทางปัญญา แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
1. ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial property)
  • เป็นความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่เกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรม
  • โดยอาจเป็นความคิดในการประดิษฐ์คิดค้น การออกแบบผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม หรือเทคนิคในการผลิตที่ได้ปรับปรุงหรือคิดค้นขึ้นใหม่ หรือที่ เกี่ยวข้องกับตัวสินค้า
ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรมสามารถแบ่งประเภทออกได้ดังนี้

      1.1 สิทธิบัตร (Patent)
  • บัญญัติให้เจ้าของสิทธิบัตร มีสิทธิ์ เด็ดขาด หรือสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการ แสวงหาประโยชน์ จากการประดิษฐ์
      1.2 เครื่องหมายการค้า (Trademark)
  • เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์หรือตราที่ใช้กับสินค้าหรือบริการ
  • อาจเป็นภาพถ่าย ภาพวาด ภาพประดิษฐ์ตรา ชื่อคําข้อความ ตัวหนังสือ ตัวเลข ลายมือชื่อ หรือสิ่งเหล่านั้นอย่างใดอย่างหนึ่งรวมกันก็ได้ ใช้เพื่อ แสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้า ของบุคคลอื่น
  • อาจกล่าวได้ว่า คือ ตราสินค้า หรือ ยี่ห้อสินค้า

      1.3 ความลับทางการค้า (Trade Secrets)
  • ข้อมูลการค้าซึ่งยังไม่รู้จักกันโดยทั่วไปหรือยังเข้าถึงไม่ได้ในหมู่บุคคล ซึ่ง โดยปกติแล้วต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว โดยเป็นข้อมูลที่นําไปใช้ ประโยชน์ทางการค้าเนื่องจากการเป็นความลับ และเป็นข้อมูลที่เจ้าของ หรือผู้มีหน้าที่ควบคุมความลับทางการค้าได้ใช้ มาตรการที่เหมาะสม รักษาไว้เป็นความลับ “ข้อมูลทางธุรกิจที่ยังไม่เปิดเผย”
  • ในกรณีที่ธุรกิจอาจมีความลับทางส่วนผสมทางการผลิต ก็อาจจดทะเบียน ความลับทางการค้าก็ได้ โดยที่ธุรกิจจะไม่ยอมเปิดเผยสูตรให้ผู้ใด เช่น
             - ความลับในการผลิตเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง
             - ความลับในการผลิตน้ําพริก
  • ซึ่งผู้อื่นที่มิใช้เจ้าของความลับจะทราบคร่าวๆ เท่านั้นว่าส่วนผสมหลักคือ อะไรแต่ไม่ทราบรายละเอียดจริง
     1.4 ชื่อทางการค้า (Trade Name)
  • ชื่อที่ใช้ในการประกอบกิจการ
  • เช่น ไทยประกันชีวิต ขนมบ้านอัยการ โกดัก ฟูจิ เป็นต้น
     1.5 สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์  (Geographical Indication)
  • สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หมายถึง ชื่อ สัญลักษณ์ หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ เรียกหรือใช้แทน แทนแหล่งภูมิศาสตร์
  • สามารถบ่งบอกว่าสินค้าที่เกิดจากแหล่งภูมิศาสตร นั้นเป็นสินค้าที่มี คุณภาพ ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะเฉพาะของแหล่งภูมิศาสตร์นั้น
  • เช่น มีดอรัญญิก ส้มบางมด ผ้าไหมไทย แชมเปญ เป็นต้น

 2. ลิขสิทธิ์ (Copyright)
  • ลิขสิทธิ์ เป็นผลงานที่เกิดจากการใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ และ ความวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็น "ทรัพย์สิน ทางปัญญา" ประเภทหนึ่งที่มีคุณค้าทางเศรษฐกิจ
  • ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินประเภทที่สามารถซื้อขาย หรือโอนสิทธิกันได้ทั้งทาง มรดก หรือ โดยวิธีอื่นๆ การโอนลิขสิทธิ์ควรที่จะทําเป็นลายลักษณ์อักษร หรือทําเป็นสัญญาให้ชัดเจน จะโอนสิทธิทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนก็ได้

งานสร้างสรรค์ที่มีลิขสิทธิ์
  • งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์  โปรแกรมคอมพิวเตอร์
  • งานนาฏกรรม เช่น งานเกี่ยวกับการรํา การเต้น การทําทำา หรือ การแสดง ที่ประกอบขึ้นเป็น เรื่องราว การแสดงโดยวิธีใบ้
  • งานศิลปกรรม เช่น งานทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์  สถาปัตยกรรม ภาพถ่าย ภาพ ประกอบแผนที่ โครงสร้าง ศิลปประยุกต์  และรวมทั้งภาพถ่าย และแผนผังของงานดังกล่าวด้วย
  • งานดนตรีกรรม เช่น เนื้อร้อง ทํานอง และรวมถึงโน้ตเพลงที่ได้แยกและ เรียบเรียงเสียงประสาน
  • งานโสตทัศนวัสดุ เช่น วีดีโอเทป แผ่นเลเซอร์ ดิสก เป็นต้น
  •  งานภาพยนตร์
  • งานสิ่งบันทึกเสียง เช่น เทปเพลง แผ่นคอมแพ็คดิสก เป็นต้น
  • งานแพร่เสียงแพร่ภาพ เช่น การนําออกเผยแพร่ทางสถานีกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ 
  • งานอื่นใดอันเป็นงานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์  หรือ แผนกศิลปะ

สิ่งที่ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์
  • ข่าวประจําวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร
  • รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
  • ประกาศ คําสั่ง ระเบียบ คําชี้แจง ของหน่วยงานรัฐหรือท้องถิ่น
  • คําพิพากษา คําสั่ง คําวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
  • คําแปล และการรวบรวมสิ่งต่างๆ ข้างต้น ที่หน่วยงานของรัฐหรือท้องถิ่น จัดทําขึ้นการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์
         สิทธิในลิขสิทธิ์จะเกิดขึ้นโดยทันทีนับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์ ได้สร้างผลงานโดย ไม่ต้องจดทะเบียน ซึ่งมีลักษณะการได้มา ดังนี้
                  – คุ้มครองทันทีที่ได้มีการสร้างสรรค์งานนั้น
                  – กรณีที่ยังไม่ได้มีการโฆษณางาน ผู้สร้างสรรค ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือมีสัญชาติ ในประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญา ว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่ประเทศไทยเป็น ภาคีอยู่ด้วย
                  – กรณีที่มีการโฆษณางานแล้ว ต้องเป็นการโฆษณาครั้งแรกได้ทําขึ้นใน ราชอาณาจักรหรือในประเทศที่เป็นภาคีฯ
                  – กรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล ต้องเปbนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
  • เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทําการใดๆ ต่องาน อันมีลิขสิทธิ์ของตน ดังต่อไปนี้
                – มีสิทธิ์ในการทําซ้ํา ดัดแปลง จําหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบทํา สําเนา
                – การทําให้ปรากฏต่อสาธารณชนหรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิของตน โดยมีหรือไม่มีค่าตอบแทนก็ได้
อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์
  • งานทั่วๆ ไป ลิขสิทธิ์จะมีตลอดอายุผู้สร้างสรรค์  และจะมีต่อไปอีก 50 ปี นับแต่ผู้ สร้างสรรค์ ถึงแก่ความตาย กรณีเป็นนิติบุคคล ลิขสิทธิ์จะมีอยู่ 50 ปี นับแต่ได้ สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
  • งานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนต์  หรืองานแพร่เสียง แพร่ภาพ ลิขสิทธิ์มีอยู่ 50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
  • กรณีได้มีการโฆษณางานเหล่านั้น ในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ลิขสิทธิ์มีอยู่ ต่อไปอีก 50 ปี นับแต่โฆษณาครั้งแรก ยกเว้นในกรณีศิลปประยุกต์  ให้มีลิขสิทธิ์ อยู่ต่อไปอีก 25 ปี นับแต่โฆษณาครั้งแรก
  • ผลภายหลังลิขสิทธิ์หมดอายุ งานนั้นตกเป็นสมบัติของสาธารณะ บุคคลใดๆ สามารถใช้งานนั้นๆ ได้โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

รูปแบบการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
  • การปลอมแปลง เป็นการผลิตที่มีการใช้วัสดุ รูปลักษณ ตราสินค้าที่ เหมือนกับของเจ้าของทุกประการโดยที่ผู้ซื้ออาจแยกไม่ออกว่าเป็นของ จริงหรือไม่ ดังที่เราพบเห็นกันในท้องตลาด เช่น การปลอมนาฬิกาโร เล็กซ์ เสื้อโปโล กระเป๋าหลุยส วิตตอง, สินค้าของ Dior เป็นต้น
  • การลอกเลียนแบบ โดยที่ตัวสินค้ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนสินค้าของ เจ้าของผู้ผลิตแต่มีการปรับเครื่องหมายการค้าเล็กน้อย เช่น PRADA เป็น PRADO , Sony เป็น Somy เป็นต้น
  • การลักลอบผลิต คือ การลักลอบผลิต เทปผี ซีดีเถื่อน ซึ่งเราได้พบ เห็นข่าวการลักลอบผลิตอยู่เป็นประจํา เช่น ซีดีภาพยนตร เรื่องต้มยํา กุ้งที่เคยเป็นข่าวมาแล้ว
  • สําหรับการละเมิดลิขสิทธิ์โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ทางด้านซอฟต์แวร์(Software Piracy)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น